เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง

เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง

                                       1โคลอสเซียม
โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็น รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน ในบางครั้งจะมีการเรียกชื่อ โคลิเซียม (Coliseum)

สิ่งก่อสร้างรูปทรงโค้งเป็นวงกลมซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของกรุงโรมแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเหล่านักรบโรมันและเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ของอาณาจักรโรมัน สนามกีฬาแห่งนี้สูง 48 เมตร ยาว 188 เมตร และกว้าง 156 เมตร แนวคิดในการออกแบบโคลอสเซียมนี้ยังคงมีความสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ ดังจะเห็นได้จากการออกแบบสนามกีฬาแทบทุกแห่งในโลกนับตั้งแต่นั้นมาต้อง ปฏิบัติตามแม่แบบดั้งเดิมของโคลอสเซียมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้สิ่งที่ได้รับรู้จากภาพยนตร์และหนังสือบันทึกทาง ประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีแต่การต่อสู้และการแข่งขัน ที่โหดร้ายต่างๆ นานา เพื่อความสุขของผู้ชมเท่านั้นก็ตาม

ใต้อัฒจรรย์โคลอสเซียม (Colosseum) และใต้ดินโคลอสเซียม (Colosseum) มีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกัน มากทปีๆธิหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

สนามกีฬาโคลอสเซียม (Colosseum) แห่งนี้ จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ แต่เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมลง โคลอสเซียม (Colosseum) ก็ถูกข้าศึกทำลายหลายครั้งหลายหน ในปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬารไว้ให้ชม

7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ

โคลอสเซียม (อังกฤษ: Colosseum หรือ Flavian Amphitheatre; อิตาลี: Colosseo - โคลอสโซ)
เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็น รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน ในบางครั้งจะมีการเรียกชื่อ โคลิเซียม (Coliseum)

สิ่งก่อสร้างรูปทรงโค้งเป็นวงกลมซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของกรุงโรมแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเหล่านักรบโรมันและเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ของอาณาจักรโรมัน สนามกีฬาแห่งนี้สูง 48 เมตร ยาว 188 เมตร และกว้าง 156 เมตร แนวคิดในการออกแบบโคลอสเซียมนี้ยังคงมีความสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ ดังจะเห็นได้จากการออกแบบสนามกีฬาแทบทุกแห่งในโลกนับตั้งแต่นั้นมาต้อง ปฏิบัติตามแม่แบบดั้งเดิมของโคลอสเซียมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้สิ่งที่ได้รับรู้จากภาพยนตร์และหนังสือบันทึกทาง ประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีแต่การต่อสู้และการแข่งขัน ที่โหดร้ายต่างๆ นานา เพื่อความสุขของผู้ชมเท่านั้นก็ตาม

ใต้อัฒจรรย์โคลอสเซียม (Colosseum) และใต้ดินโคลอสเซียม (Colosseum) มีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกัน มากทปีๆธิหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

สนามกีฬาโคลอสเซียม (Colosseum) แห่งนี้ จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ แต่เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมลง โคลอสเซียม (Colosseum) ก็ถูกข้าศึกทำลายหลายครั้งหลายหน ในปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬารไว้ให้ชม

7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ

 

2หลุมฝังศพแห่งอเล็กซานเดรีย
 

หลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์
 
สุสานแห่งอเล็กซานเดรียมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คาตาโกมบ์ Cata Comb ตั้งอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับเตรียมการปลงศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่เก็บรักษา และชั้นที่ 3 ใช้เป็นที่รวมญาติเพื่อระลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรก บนโต๊ะยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่ สุสานแห่งนี้เป็นอุโมงค์ฝังศพใต้ดินของกษัตริย์อียิปต์โบราณ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง เป็นสุสานของใคร และสร้างขึ้นเมื่อใด ลักษณะของตัวสุสานจะแตกต่างไปจากพีระมิด เพราะได้มีการจัดสร้างเป็นอุโมงค์ใต้ดินขุดลึกเข้าไปในภูเขาหินทราย โดยทำเป็นชั้นๆและมีช่องทางกว้างประมาณ 3 -4 ฟุต วกเวียนไปมาเป็นระยะทางหลายไมล์ ภายในอุโมงค์บางตอนได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ที่สำหรับบรรจุพระศพคือส่วนของผนังอุโมงค์ที่เจาะเป็นช่องลึกเข้าไป มีแท่นสำหรับบูชาพระศพของพระมหากษัตริย์และมีตะเกียงดวงเล็กๆแขวนไว้ด้านหน้า

ปัจจุบัน สุสานแห่งอเล็กซานเดรียได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงสภาพ สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ใช้ฝังพระศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณไว้ใต้ดินซึ่ง เป็นการฝังพระศพอีกรูปแบบหนึ่งของชาวอียิปต์โบราณนอกเหนือไปจากการฝังพระศพ ของพระมหากษัตริย์แห่งอียิปต์ไว้ในพีระมิด

คาตาโกมบ์ ไม่ปรากฏว่าสร้างเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง ปัจจุบันยังมีสภาพเกือบสมบูรณ์ พอที่จะเข้าชมกันได้ อยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ จัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกยุคกลา

 

3กำแพงเมืองจีน



กำแพงเมืองจีน หรืออีกชื่อหนึ่งคือ กำแพงหมื่นลี้ ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ราชวงศ์หมิง กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลไว้ใช้ป้องกันประเทศยามมีศึกสงคราม มีหอสังเกตการณ์กว่าหนึ่งหมื่นแห่ง ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงนั้นสร้างไว้เพื่อเป็นเส้นแบ่งดินแดนระหว่างตะวันออก กับตะวันตกนั่นเอง และกำแพงจีนไม่ได้ถูกสร้างยาวเหยียดในครั้งเดียว ในช่วงแรกในแต่ละเมืองจะมีการสร้างกำแพงไว้อยู่แล้ว พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เห็นดังนั้น จึงโปรดให้มีการเชื่อมต่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน


Great Wall of China
กำแพงเมืองจีน ตอนฤดูหนาวสวยมากครับ

อีกชื่อหนึ่งของกำแพงเมืองจีนนั้น ถูกขนานนามว่า เป็นหลุมฝังศพที่ยาวที่สุดในโลก เพราะในระหว่างการก่อสร้างได้มีการเกณฑ์แรงงานจากนักโทษมากว่าล้านคน ซึ่งเส้นทางบางแห่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร นักตรวนยังมีตรวนเหล็กที่คอ ต้องต่อสู้กับสภาพอากาศที่ร้อนจัดและหนาวจัด มิหนำซ้ำยังต้องทนทุกข์กับความหิวโหย เนื่องด้วยเสบียงถูกปล้น และถูกนำไปขาย ทำให้นักโทษเหล่านี้ล้มตายหล่นลงไปใต้กำแพงเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ ตาม แม้ว่ากำแพงเมืองจีนจะมีอีกฉากหนึ่งซึ่งฟังแล้วดูหลอนพิกล แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกจัดให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์หนึ่ง ในเจ็ดของโลกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น