เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน

1.อุโมงค์รถไฟใต้ทะเลเซคัง



อุโมงค์เซคัง (ภาษาญี่ปุ่น: 青函トンネル; ภาษาอังกฤษ: Seikan Tunnel) เป็นอุโมงค์รถไฟที่ให้บริการโดยบริษัทรถไฟฮอกไกโด สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมระหว่างเกาะฮอนชู กับ เกาะฮอกไกโด ในประเทศญี่ปุ่นตรงบริเวณช่องแคบสึงะรุ ซึ่งเป็นอุโมงค์ลอดใต้ทะเลที่ยาวที่สุดในโลกมีความยาวกว่า 53.85 กิโลเมตร (23.3 กิโลเมตรบริเวณพื้นทะเล) เนื่องมาจากปริมาณผู้ที่ข้ามช่องแคบทัสซึการุมีมากขึ้นทุกปี และรถไฟโดยสารต้องเสียเวลาในการโดยสารขึ้นเรือเฟอร์รี เพื่อที่จะข้ามช่องแคบไปอีกฝั่ง ซึ่งต้องเสียเวลาในการเดินทาง ทำให้มีการขุดอุโมงค์นี้ขึ้นในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1982 และเปิดใช้เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
อุโมงค์รถไฟใต้ทะเลเซคัง (Seikan Tunnel) สร้างขึ้นโดยการรถไฟ JR เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินรถไฟเชื่อมระหว่างเกาะฮอนชูกับเกาะฮอกไกโด บริเวณช่องแคบซึการุ (Tsugaru Straits) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทางจากเมื่อครั้งก่อนที่ใช้เรือเฟอร์รี่ข้ามฟากระหว่าง Aomori กับ Hakodate ที่มักพบกับพายุไต้ฝุ่นเป็นอุปสรรคในการเดินเรือ ความยาวของอุโมงค์รวมทั้งหมด 53.85 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์รถไฟใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก รถไฟ Limited Express Hakucho ใช้เวลาวิ่งผ่านประมาณ 30 นาที


2.ซีเอ็นทาวเวอร์
       ซีเอ็นทาวเวอร์ (CN Tower) ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองโตรอนโต รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา เป็นหอคอยสื่อสารและสังเกตการณ์ มีความสูง 553 เมตร (1,815 ฟุต)
     เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 และมีความสูงมากกว่าหอคอยออสตานกิโนในมอสโก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ   ซีเอ็นทาวเวอร์ได้รับการบันทึกว่า เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลกเป็นเวลาถึง 31 ปี จนถึงวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2007 จึงถูกแทนที่ด้วยอาคารเบิร์จคาลิฟา (ในขณะนั้นใช้ชื่อว่า เบิร์จดูไบ)   ชื่ออาคาร ซีเอ็น ย่อมาจาก "Canadian National Railway" เป็นกิจการรถไฟที่เป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างในระยะแรก แต่ในปัจจุบัน นิยมอ้างอิงว่า ซีเอ็น หมายถึง "หอคอยแห่งชาติแคนาดา" (Canada's National Tower)   ตัวหอคอยมีภัตตาคาร อยู่ที่ชั้นความสูง 1,136 ฟุต และจุดชมทิวทัศน์ที่ความสูง 1,465 ฟุต
       ปัจจุบัน ซีเอ็นทาวเวอร์เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดเป็นอันดับสาม ในโลก รองจากเบิร์จคาลิฟา และหอคอยกว่างโจว แต่ยังถือสถิติสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในซีกโลกตะวันตก

3.เขื่อนอิไตปู

เขื่อน itaipu ประเทศบราซิล-ปารากวัย  เขื่อนอิไตปู(Itaipu) คำว่าอิไตปูแปลว่า"เสียงเพลงจากก้อนหิน "มาจากภาษากวารานิ (Guarani) ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิมเขื่อนอิไตปู  เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ซึ่งในอดีตจัดได้ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่เขื่อนสามหุบเขาของจีนจะแล้วเสร็จสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1984 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1988
เขื่อนอิไตปูกั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศปรากวัย จึงทำให้เขื่อนนี้เป็นทั้งผนังกันน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองประเทศ อีกด้วยเขื่อนอิไตปูเป็นเขื่อนคอนกรีตชนิดเขื่อนแบบกลวง มีขนาดความสูง 180 เมตร มีความยาวกว่า 8 กิโลเมตร  ใช้คอนกรีตในการสร้างกว่า 28 ล้านตัน ซึ่งสามารถสร้างสนามฟุตบอลได้ 210 สนาม  และใช้เหล็กมากขนาดสร้างหอไอเฟลได้ 380 หอเลยทีเดียว เมื่อสร้างเสร็จด้านเหนือเขื่อนจึงเกิดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่กว่า 1,550 ตารางกิโลเมตร  ระยะทางยาวลึกขึ้นไปทางเหนือเขื่อนอีกกว่า 160 กิโลเมตร มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 18 เครื่อง  มีกำลังการผลิต 12,600 เมกะวัตต์  จึงสามารถจ่ายไฟให้กับประเทศปรากวัยได้ทั้งประเทศรวมทั้งเมืองใหญ่ของบราซิลทั้งนครเซาเปาโล และนครริโอ เดอ จาเนโร ได้อย่างสบาย แต่ภายหลังได้มีโครงการเพิ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็น 20 เครื่อง ภายในปี 2550 และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 14,000 เมกะวัตต์


4.ตึกเอ็มไพร์สเตต


สถานที่ตั้ง     เกาะแมนฮัตตัน เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน        สามารถเข้าเยี่ยมชมได้


     เป็นตึกสูงระฟ้าอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน หน้านครนิวยอร์คของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะมิใช่เป็นตึกที่สูงที่สุดของโลกในปัจจุบันก็ตาม แต่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ยังความน่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่งสำหรับสิ่งก่อสร้างในปัจจุบัน   ตึกเอ็มไพร์เสตทเป็นตึกสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 1,248 ฟุต แบ่งออกเป็น 102 ชั้น มีหน้าต่าง 6,500 บาน มีเนื้อที่ 2,158,000 ตารางฟุต ตามปกติจุคนได้ 25,000 คน แต่ถ้าจำเป็นจะจุคนได้ถึง 80,000 คน มีลิฟท์ขึ้นลง 63 ที่ อิฐที่ใช้ก่อสร้าง 10,000,000 ก้อน จากชั้นล่างถึงชั้นที่ 86 เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดีที่ไม่เป็นสนิมคิดเป็นน้ำหนัก 730 ตัน บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 200 ฟุต ใช้เป็นที่ทำงานของบริษัทใหญ่ๆกว่า 600 บริษัท รับประกันความถาวรคงทนได้นานถึง 6,000 ปี ตึกนี้เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1929 เสร็จเรียบร้อยเมื่อ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1937 สิ้นเวลาเพียง 19 เดือนเท่านั้น เมื่อช่างขึ้นไปติดตั้งเดินสายโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้วสิ้นสายโทรศัพท์ยาวถึง 17,000,000 ฟุต สายไฟฟ้าภายในอาคารสิ้นไปยาวเท่าไหร่ไม่รู้ได้ เฉพาะค่าก่อสร้างในสมัยนั้นเป็นเงิน 5,000,000 ปอนด์ หรือ 2,000,000,000 บาท ในสมัยเงินไทยยังมีค่า ถ้าเป็นปัจจุบันต้องนับเป็นพันล้านบาท
 
 
 http://fampcsc200.blogspot.com/p/blog-page_9852.html
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น