สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ(ต่อ)

4วิหารอาร์ทิมิส

วิหารอาร์ทิมิสอันงดงาม ที่ชาวอีซิฟุสสร้างขึ้นเมื่อประมาณ700ปีก่อนศริสตกาลทั้งนี้ยังพบซากวิหาร ใหม่ที่ชาวอีซีฟุตสร้างเมื่อราว570ปีก่อนศริสตกาลอีกด้วย จารึกประวัติศาสตร์ของวิหารแห่งนี้บอกว่าสร้างขึ้นโดยสถาปานิกผู้ชำนาญทาง ด้านนี้โดยเฉพาะ 3 ท่านขึ้นคือ ธีโอโดรัสแห่งซาโมส ผู้สร้างวิหารเฮราในซาโมส และสถาปนิก 2 พ่อลูกชาวคนอสโซส เคอร์ซิฟรอน และเมทาจินีส วิหารเทพอาร์ทิมิสนับเป็นอาคาหินอ่อนที่ใหณ่ที่สุดในโลกมีขนาดกว้าง 55.10 เมตร และยาว 115.14เมตรทั้ง 4ด้านมีเสา 2 แถวรายรอบ แต่ละเสาสูง 19 เมตร มีเส้นผ่าศูยน์กลาง 1.21 เมตร คีซุสแห่งลิเดีย เป็นผู้บริจาคเสาเหล่านี้ เสียเวลาสร้างไป 120 ปี แต่เมื่อ 356 ปีก่อนศริสตกาล ในคืนที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ แห่งมาโซเนียประสูตินั้น มีชายวิกลจริตชื่อ ฮีโรสตราโตสได้ทำการเผาวิหารแห่งนี้เพราะต้องการให้ชื่อของตัวเองถูกบันทึก ในประวัติศาสตร์ ต่อมาชาวอีฟีซุสจึงวิหารที่ยิ่งใหญ่แห่ง ให้เกรียงไกรยิ่งกว่าเดิมด้วยรูปแกะสลักฝีมือของประติมากรผู้มีชื่อเสียงใน สมัยนั้น พราซืทีลิส ความหายนะแห่งวิหารยังไม่หมดสิ้น เมื่อชาวกอธเข้ารุกรานในปี ค.ศ.262 ประติมากรรมทั้งหมดสูญสิ้นภายในพริบตา ซากวิหารส่วนหนึ่งถูกนำไปสร้างโบสถ์เซนจอห์นที่อีซิฟุส และจักรพรรดิจัสติเนียนก็ใช้ซากอิฐทั้งหมดที่หลงเหลือเป็นส่วนประกอบในการ เนรมิตมหาวิหารเซนต์โซเฟียแห่งคอนสแตนติโนเบิล
 

 

5สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส
          สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส หรือ สุสานแห่งโมโซลูส (อังกฤษ: The Mausoleum at Halicarnassus, Tomb of Mausolus, กรีก: Μαυσωλεῖον τῆς Ἁλικαρνασσοῦ) เป็นสุสานขนาดใหญ่ของกษัตริย์โมโซลูสแห่งลิเชีย ในเอเชียไมเนอร์ จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณสุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส ตั้งอยู่ที่ฮาลิคาร์นัสเซิส ประเทศตุรกี ในปัจจุบัน สร้างขึ้นโดยราชินี อาเตมีสเซีย หลังการสวรรคตของพระสวามี สร้างขึ้นระหว่าง 353-350 ปีก่อนคริสต์ศักราช สร้างขึ้นมาจากหินอ่อนในระหว่างปี ค.ศ. 156-190 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ มีบันทึกไว้ว่า มีขนาดสูงถึง 140 ฟุต ฐานโดยรอบยาวถึง 460 ฟุต บนยอดสุดเป็นพื้นเหลี่ยมเล็กกว่าฐานล่าง ได้ปั้นเป็นรูปราชรถและม้า 1 ชุด กำลังวิ่ง และมีกษัตริย์และพระมเหสีประทับยืนอยู่บนราชรถม้า ประกอบด้วยลวดลายสวยงามมากสุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส พังทลายลงด้วยเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 ปัจจุบันจึงเหลือแต่เพียงซากชิ้นส่วน และชิ้นส่วนบางอย่างถูกเก็บรักษาไว้ที่ บริติช มิวเซียม ในประเทศอังกฤษ
 
สุสานที่สร้างโดยผู้หญิง
สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิสเป็นอนุสรณ์แห่งความรักมีที่มาที่ออกจะแปลกสัก หน่อย ปกติเรามักจะได้ยินว่าผู้ชายเป็นคนสร้างอนุสรณ์เพื่อแสดงถึงความรักที่มีต่อ หญิงสาวคนรักผู้ล่วงลับ แต่ที่มาของสุสานนี้กลับกัน เพราะผู้หญิงเป็นฝ่ายสร้างให้ผู้ชาย ผู้สร้างคือ ราชินีอาเตมีสเซีย ซึ่งเป็นทั้งพระขนิษฐาและพระมเหสีของกษัตริย์มุสโซลูส กษัตริย์แห่งเอเชียไมเนอร์ หรือประเทศอิหร่านในปัจจุบัน เพื่อเป็นสิ่งก่อสร้างแทนความรักต่อพระสวามีซึ่งล่วงลับเมื่อ 353 ปีก่อนคริสต์ศักราช
 
สุสานหินอ่อน
สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิสสร้างจากหินอ่อน สูง 140 ฟุต ฐานมีพื้นที่ 460 ฟุต มีรูปปั้นสิงโตขนาบบันไดที่ทอดไปสู่สุสาน สุสานรายล้อมด้วยรูปปั้นนักรบบนหลังม้า โดยมีเสาหินจำนวน 36 ต้น เป็นฉากหลัง หลังคาเป็นรูปทรงพีระมิด มีกษัตริย์มุสโซลูส และราชินีอาเตมีสเซีย ประทับยืนอยู่บนราชรถม้าซึ่งกำลังวิ่ง แต่ราชินีอาเตมีสเซียไม่มีโอกาสได้เห็นสุสานที่เสร็จสมบูรณ์ เพราะสิ้นพระชนม์เมื่อ 350 ปีก่อนคริสต์ศักราช
 
พังทลายจากภัยธรรมชาติ
ภายหลังเมื่อก่อสร้างสุสานเสร็จ พระศพของกษัตริย์มุสโซลูส และราชินีอาเตมีสเซียก็ได้ประทับเคียงกันในสุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส แต่เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ช่วงศตวรรษที่ 13 ก็ทำให้สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิสพังทลาย ซ้ำชิ้นส่วนต่างๆ ยังถูกนำไปสร้างป้อมหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ปัจจุบันยังคงหลงเหลือซากชิ้นส่วนบางชิ้น โดยเก็บรักษาไว้ในบริติชมิวเซียม ในประเทศอังกฤษ



6 เทวรูปโคโลสซูส

เทวรูปโคโลสซูส เป็นเทพเจ้าที่ชาวกรีกเคารพนับถือมาก ซึ่งกษัตริย์ชาเรสแห่งลินดัส สร้างขึ้นเมื่อ 280 ปี ก่อนคริสต์กาล เทวรูปนี้หล่อด้วยทองสำริดในท่ายืนสูง 100 ฟุต มือขวาถือประทีป เทวรูปตั้งอยู่บนฐานทั้งสองข้างของปากอ่าว องค์เทวรูปยืนถ่างขาคร่อมปากอ่าวให้เรือลอดไปมาได้ เทวรูปโคโลสซูส หรือเทพเจ้าอพอลโป ประดิษฐานอยู่บนเกาะโรดส์ ประเทศกรีซ และเมื่อ 224 ปี ก่อนคริสต์กาล เกิดแผ่นดินไหว เทวรูปจึงพลังลงมา ไม่มีใครดูแลเอาใจใส่ จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ซากทองเหลืองที่เหลืออยู่จึงถูกขายให้แก่ชาวเมือง ซาราเชนส์ ไปทำอาวุธในการทำสงครามจนหมด ปัจจุบันสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นนี้ได้สูญสลายไปหมดแล้ว


7 ประภาคารฟาโรส แห่งอเล็กซานเดรีย

 
 

             ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรส บริเวณริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองอเล็กซานเดรียประเทศอียิปต์ ประภาคารแห่งนี้สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 265-274 ปีก่อนศักราชในสมัยของพระเจ้า ปโตเลมี ฟิลาเดลฟัส โดยสถาปนิกชาวกรีกนามว่า โซสตราโทส

             ประภาคารฟาโรสเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ตามประวัติกล่าวกันว่าผู้ที่สร้างคือพระเจ้า
อเล็กซานเดอร์มหาราช อย่างไรก็ดี ประภาคารแห่งนี้ไม่ได้สร้างในสมัยของพระองค์ แต่มีการสานต่อนโยบายการก่อสร้างต่อกันมา และได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ในสมัยของพระราชโอรสปโตเลมีที่ 2 คือพระเจ้าปโตเลมี ฟิลาเดลฟัส ควบคุมการก่อสร้างโดย โซสตราโทส

            ประภาคารฟาโรสสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวสลักลวดลายวิจิตรบรรจงตัวประภาคารสูง ประมาณ 400 ฟุต สร้างเป็นรูปทรงกระบอก มีบันไดวนเป็นทางขึ้นไปสู่ยอดของประภาคารซึ่งบนยอดมีตะเกียงแก๊สขนาดใหญ่ที่ ส่องแสงสว่างมากจนสามารถมองเห็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ไกลและชัดเจนในยาม ค่ำคืน ส่วนข้างบนสุดของตัวประภาคารมีรูปสลักขนาดใหญ่ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นรูปสลัก ของใคร สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นรูปของเทพเจ้าโพเซย์ดอน หรือกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช หรือ ซีอุส ทำให้อเล็กซานเดรียเป็นเมืองท่าที่งดงามและสำคัญยิ่งในยุคนั้น ประภาคารฟาโรสถือว่าเป็นแบบอย่างของประภาคารหรือกระโจมไฟริมฝั่งทะเลที่ยิ่ง ใหญ่และงดงาม รวมถึงเป็นแบบอย่างในการสร้างประภาคารหรือกระโจมไฟริมฝั่งในสมัยต่อมา นอกจากนี้ประภาคารฟาโรสยังนับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในยุคโบราณรอง จากมหาพีระมิดแห่งอียิปต์

             เมื่อศตวรรษที่ 13 ได้เกิดเหตุกาลแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้ประภาคารฟาโรสพังทลายลงจนไม่เหลือเศษซากของสิ่งก่อสร้างไว้ให้เห็นแต่ สิ่งที่เหลือให้อนุชนได้จดจำก็คือความงดงามและความยิ่งใหญ่ของประภาคารฟาโรส ที่ทำให้อเล็กซานเดรียเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญและโด่งดังมากในประวัติ ศาสตร์

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น